แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฮวงจุ้ยบ้าน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฮวงจุ้ยบ้าน แสดงบทความทั้งหมด

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือน กุมภาพันธ์ ปี 2557

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

เข้าสู่เดือนแห่งความรัก เดือนที่หลายคนรอคอย โดยเฉพาะคู่รัก คู่ใหม่ ยังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ ปลามันส์ หรือกำลังเริ่มต้นความสัมพันธ์อันหวานชื่น แต่สำหรับคู่แท้ ที่รักกันไปยืนยาวนั้น ไม่ว่าเดือนไหน วันไหน สถานที่ใด ความรักก็ยังคงเบ่งบานหวานชื่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง ฤกษ์ดีก็เช่นเดียวกัน แม้จะเป็นวันดีแค่ไหน แต่หากยังไม่มีความพร้อมด้านต่างๆ ฤกษ์ดี ก็ไม่อาจมีประโยชน์ได้ เอาหละครับ สำหรับใครที่พร้อมแล้ว และความพร้อมนั้น ตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งมีฤกษ์ดี 2 วันด้วยกัน ดังนี้
 

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ กุมภาพันธ์ 2557


ตรงกับวันศุกร์ ที่ 14 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันดี มิ่งมงคล ภูมิปาโลฤกษ์เป็น วัน ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขึ้นบ้านใหม่ ลงเสาเอก ปลูกบ้าน จะส่งผลให้เกิดความสามัคคีปรองดองภายในครอบครัว และเพื่อนบ้าน สร้างความอบอุ่นรักใคร่กลมเกลียวกัน มีความเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ทั้งด้านความเป็นอยู่อาศัยและทรัพย์สินเงิน ทอง

ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 16 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 แรม 2 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันดี ศรีมงคล ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ในวันนี้ ช่วยส่งผลให้เกิดความมั่นคงด้านหน้าที่การงาน ยศตำแหน่ง เป็นที่นับหน้าถือตา เป็นผู้นำของสังคม หากท่านที่ต้องการความก้าวหน้าด้านการงาน หรือความเจริญรุ่งเรืองของธุรกิจ วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดียิ่ง ทำให้ธุรกิจการงานราบรื่นเป็นอย่างดี เป็นที่รู้จักในสังคม

จุดเริ่มต้นที่ดี สิ่งดีๆ ย่อมตามมา ฤกษ์ มงคล เป็นความเชื่อด้านโหราศาสตร์ เกี่ยวกับจังหวะของชีวิต วันและเวลาที่ต่างกัน ย่อมให้ผลที่ต่างกัน ทั้งนี้ ฤกษ์ดี ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด แต่การปฏิบัติตนเป็นบุคคลที่ดี มี “สติ” อยู่ ในศีลธรรม ทำหน้าที่การงานอย่างสุจริต ย่อมเป็นสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตพบเจอกับความโชคดี เจริญก้าวหน้า มั่งมีศรีสุข เมื่อผสานรวมกับฤกษ์ที่ดี ความโชคดีก็ยิ่งเพิ่มพูน แต่หากประพฤติปฏิบัติไม่ดี สิ่งที่เป็นมงคลย่อมเสื่อมลงไปเช่นกัน สำหรับฤกษ์ดีที่เหมาะเจาะไปแต่ละบุคคลนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมในด้านต่างๆ หากตัวท่านเองยังไม่พร้อมที่จะกระทำการสิ่งใด แม้จะตรงกับวันดี ฤกษ์ดี ก็ไม่ได้นับรวมว่าเป็นฤกษ์ที่ดีได้ การที่จะดูฤกษ์ให้ดีแท้ได้นั้น เจ้าของฤกษ์ต้องพร้อมเสียก่อน ถึงจะเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด

 ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : Homegang

Read more ...

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือน มกราคม ปี 2557

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

อีกไม่กี่วัน ไม่กี่อึดใจ เข้าสู่ปีใหม่กันอีกแล้ว บ้านไอเดีย หวังเพียงว่า อยากให้สถานการณ์บ้านเมืองของเรา ได้มีทางออกที่ดีขึ้น เพื่อเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ ให้กับปวงชนชาวไทยทุกๆ คน สำหรับปี 2557 นี้ ตรงกับปีมะเส็ง ขอนำฤกษ์ดี ขึ้นบ้านใหม่ มาให้คุณผู้ชมที่กำลังสร้างบ้าน ย้ายบ้าน ขึ้นบ้านใหม่ หรือกิจกรรมมงคลต่างๆ ด้านที่อยู่อาศัย ในเดือน มกราคม 2557 มีฤกษ์ดีทั้งหมด 3 วัน ดังนี้

ฤกษ์ดีเดือนมกราคม 2557


ตรงกับวันศุกร์ ที่ 10 เดือน มกราคม พ.ศ. 2557 ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 2 เป็นวันดี มิ่งมงคล ภูมิปาโลฤกษ์ เป็นวัน ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขึ้นบ้านใหม่ ลงเสาเอก ปลูกบ้าน จะส่งผลให้เกิดความสามัคคีปรองดองภายในครอบครัว และเพื่อนบ้าน สร้างความอบอุ่นรักใคร่กลมเกลียวกัน มีความเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ทั้งด้านความเป็นอยู่อาศัยและทรัพย์สินเงิน ทอง เรียกได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของปีใหม่นี้เลย

ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 26 เดือน มกราคม พ.ศ. 2557 แรม 11 ค่ำ เดือน 2 เป็นวันดี ราชาฤกษ์ สำหรับท่านที่ขึ้นบ้านใหม่ ลงเสาเอก ย้ายบ้าน หรือดำเนินพิธีมงคงต่างๆ ในวันนี้ จะได้รับการเชิดหน้าชูตาในสังคม มีสง่าราศรี อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ ส่งผลให้หน้าที่การเงิน ยศตำแหน่งเลื่อนขั้น เป็นไปอย่างราบรื่น อยู่เย็นเป็นสุข อุดมสมบูรณ์

ตรงกับวันศุกร์ ที่ 31 เดือน มกราคม พ.ศ. 2557 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3  เป็นวันดี มิ่งมงคล ภูมิปาโลฤกษ์ เป็นวัน ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขึ้นบ้านใหม่ ลงเสาเอก ปลูกบ้าน จะส่งผลให้เกิดความสามัคคีปรองดองภายในครอบครัว และเพื่อนบ้าน สร้างความอบอุ่นรักใคร่กลมเกลียวกัน มีความเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ทั้งด้านความ

จุดเริ่มต้นที่ดี สิ่งดีๆ ย่อมตามมา ฤกษ์ มงคล เป็นความเชื่อด้านโหราศาสตร์ เกี่ยวกับจังหวะของชีวิต วันและเวลาที่ต่างกัน ย่อมให้ผลที่ต่างกัน ทั้งนี้ ฤกษ์ดี ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด แต่การปฏิบัติตนเป็นบุคคลที่ดี มี “สติ” อยู่ ในศีลธรรม ทำหน้าที่การงานอย่างสุจริต ย่อมเป็นสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตพบเจอกับความโชคดี เจริญก้าวหน้า มั่งมีศรีสุข เมื่อผสานรวมกับฤกษ์ที่ดี ความโชคดีก็ยิ่งเพิ่มพูน แต่หากประพฤติปฏิบัติไม่ดี สิ่งที่เป็นมงคลย่อมเสื่อมลงไปเช่นกัน สำหรับฤกษ์ดีที่เหมาะเจาะไปแต่ละบุคคลนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมในด้านต่างๆ หากตัวท่านเองยังไม่พร้อมที่จะกระทำการสิ่งใด แม้จะตรงกับวันดี ฤกษ์ดี ก็ไม่ได้นับรวมว่าเป็นฤกษ์ที่ดีได้ การที่จะดูฤกษ์ให้ดีแท้ได้นั้น เจ้าของฤกษ์ต้องพร้อมเสียก่อน ถึงจะเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : Homegang
Read more ...

ฮวงจุ้ยห้องทานอาหาร เสริมโชคลาภและสุขภาพ

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องในชีวิตของคนเรา การจัดห้องทานอาหารให้สวยงามเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหาร และทำให้เราสามารถทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อยมากขึ้น แต่การจัดห้องทานอาหารตามความสวยงามเท่านั้นก็อาจจะไม่พอ เพราะถ้าหากจัดฮวงจุ้ยห้องทานอาหารด้วย ก็จะสามารถส่งเสริมให้เรามีความสุข มีสุภาพที่แข็งแรง และร่ำรวยได้ แต่หากใครยังไม่รู้ว่าจะจัดฮวงจุ้ยห้องทานอาหารอย่างไร ก็ลองทำตามวิธีต่อไปนี้ได้เลย

1. ตำแหน่งห้องทานอาหาร
ตามหลักฮวงจุ้ยที่ถูกต้อง ห้องทานอาหารควรอยู่ในทิศตะวันออก, ทิศตะวันออกเฉียงใต้, ทิศตะวันตก หรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจะดีที่สุดหากจะมีประตูเข้า-ออก 2 ประตู เพื่อให้พลังงานชี่ หรือพลังงานชีวิตในตัวเราไหลเวียนได้อย่างสะดวก แต่ก็มีข้อจำกัดคือ ประตูทั้ง 2 ต้องไม่อยู่ตรงข้ามกันโดยตรง แต่ควรจะอยู่ในระนาบผนังเดียวกัน และห้องทานอาหารควรจะมีบรรยากาศสงบเงียบ ไม่วุ่นวายวอแวด้วย ดังนั้นจึงไม่ควรมีห้องทานอาหารอยู่ใกล้กับประตูหน้าบ้าน เพื่อเลี่ยงเสียงดังรบกวน แต่ถ้าหากว่าเลี่ยงไม่ได้ ก็ใช้วิธีติดม่านบังตาแทนก็ได้

2. สีห้องทานอาหาร
เพื่อส่งเสริมพลังชี่และโชคลาภ การตกแต่งห้องอาหารควรเน้นสีธรรมชาติ เช่น สีเอิร์ธโทน สีชมพู สีเหลือง สีพีช สีท้องฟ้า สีเขียว และสีออฟไวท์เป็นหลัก ทั้งสีของผนัง วอลเปเปอร์ กระเบื้อง รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ แม้ว่าจะเป็นโทนสีอ่อน ๆ แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าห้องอาหารจะดูจืดชืดจนเกินไป  เพราะเราสามารถตกแต่งโดยใช้สีมิกซ์ แอนด์ แมทช์ กันได้ตามใจชอบเลย

3. การจัดวางโต๊ะและจาน
ในห้องอาหารควรมีการตกแต่งด้วยการติดม่านหรือปูพรมด้วย เพื่อให้ช่วยลดพลังงานไม่ดี เสียงรบกวนจากภายนอก ให้ห้องอาหารมีบรรยากาศที่สงบ เหมาะแก่การนั่งรับประทานอาหาร  ส่วนการจัดโต๊ะอาหารตามหลักฮวงจุ้ย ควรเลือกผ้าปูโต๊ะผืนสวย ๆ มาประดับ เน้นผืนที่มีสีฟ้าและสีเขียวเป็นหลัก เวลาปูก็ควรให้ด้านที่มีสีเขียวอยู่ทางทิศตะวันออก ด้านสีฟ้าอยู่ทางทิศเหนือเพื่อช่วยเสริมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวให้สนิท ชิดเชื้อกันมากขึ้น และอย่าตกแต่งห้องอาหารด้วยจานชามที่ไม่ค่อยได้ใช้ ถ้วยโถที่มีสำรองไว้ก็อย่าเก็บไว้ในห้องนี้ด้วย เพราะของเหล่านี้ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วถือว่าเป็นสิ่งของที่ไม่ได้ส่งเสริมโชค ลาภความร่ำรวย สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอต จะเลือกตกแต่งห้องอาหารด้วยสีน้ำเงินก็ได้ อย่างการปูพรมสีน้ำเงิน ใช้ผ้าปูโต๊ะและผ้าเช็ดปากสีน้ำเงิน หรือใช้จานชามสีน้ำเงิน เพราะสีน้ำเงินเป็นสีเข้ม ที่สามารถลดการเจริญอาหารและลดความดันโลหิตเราได้นั่นเอง

4. ตกแต่งด้วยกรอบรูป
กรอบรูปและการเพ้นท์ลวดลายบนฝาผนังก็เหมาะจะใช้ตกแต่งห้องอาหารด้วยเช่น กัน แต่เพื่อความเฮง และโชคลาภ ไม่ควรตกแต่งด้วยรูปภาพโบราณ หรือของเก่าแก่ที่เป็นมรดกตกทอด เนื่องจากถือว่าไม่เป็นมงคลเท่าที่ควร ดังนั้นควรเน้นตกแต่งด้วยรูปสีสันสดใส สวยงาม ที่เห็นแล้วจะเจริญตาให้ความรู้สึกสดชื่น และเจริญอาหาร

5. จัดพื้นที่เพิ่มความสมดุล
โต๊ะอาหารควรตั้งอยู่กึ่งกลางห้อง และควรมีระยะห่างระหว่างกำแพงทั้งสี่ด้านอย่างสมดุล เพื่อช่วยเสริมในเรื่องสุขภาพ และเพื่อไม่ให้ห้องทานอาหารมีบรรยากาศว้าวุ่นไม่สงบ อีกทั้งการจัดห้องทานอาหารเช่นนี้ยังช่วยให้เรากินอาหารช้าลง ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารอีกด้วย แต่ถ้าห้องทานอาหารมีความคับแคบ ก็จะสร้างความอึดอัดขัดแย้งภายในบ้าน อาจทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร จนส่งผลระทบกับสุขภาพร่างกายในที่สุด

6. แสงสว่างเพิ่มพลัง
แสงในห้องอาหารควรจะมีความสว่างในระดับที่พอดี คือ ไม่จ้าหรือสลัวจนเกินไป และภายในโต๊ะอาหารก็ควรจะสว่างไสวเพื่อให้มองเห็นอาหารที่กินได้อย่างชัดเจน จะเป็นโคมไฟกลางโต๊ะอาหาร หรือแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างก็ได้หมด แต่แนะนำให้เลือกติดหลอดไฟที่สามารถปรับระดับความสว่างได้ด้วยก็จะดี เพราะหากอยากได้บรรยากาศโรแมนติกในมื้อค่ำขึ้นมา จะได้ปรับไฟให้สลัว ๆ หน่อย ส่วนแชนเดอเลียร์หรือโคมไฟระย้าสามารถรักษาระดับสมดุลพลังชี่ได้ แต่ต้องติดอยู่กึ่งกลางโต๊ะอาหารพอดีเป๊ะ ๆ ชนิดที่เหลื่อมไปทางเก้าอี้สักนิดก็ไม่ได้เลย

7. ลักษณะโต๊ะอาหาร
เนื่องจากห้องทานอาหารควรมีพื้นที่กว้างพอดี ไม่คับแคบ ลักษณะโต๊ะอาหารที่ถูกหลักฮวงจุ้ยจึงควรเป็นโต๊ะที่มีความกลมมน เช่น โต๊ะทรงกลม โต๊ะรูปทรงไข่ หรือโต๊ะรูปแปดเหลี่ยม และควรจะมีลักษณะโปร่งบาง ไม่หนาทึบ ไม่เก่า ไม่แตกหัก หรือสีเข้มจนเกินไป อีกทั้งควรจะมีลักษณะพื้นผิวที่ทำความสะอาดง่าย เน้นเป็นโต๊ะไม้จะดีที่สุด แต่ไม้แต่ละชนิดก็จะให้พลังต่างกัน โดยโต๊ะไม้สนเหมาะที่สุดที่จะใช้เป็นโต๊ะอาหาร ส่วนเก้าอี้ก็ควรจะมีลักษณะกลมมน มีพนักพิง อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่แตกหักหรือบิ่น นอกจากนี้ก็ควรตกแต่งโต๊ะอาหารด้วยการวางต้นไม้ หรือบรรดาเครื่องปรุงรสไว้ที่กึ่งกลางโต๊ะ โดยไม่เกะกะพื้นที่โต๊ะอาหารจนเกินไปด้วย

8. อาหารบนโต๊ะ
สำหรับบ้านที่มีปัญหาเรื่องการรับประทานอาหาร เช่น กินอาหารไม่ตรงเวลา หรือต่างคนต่างกิน ก็สามารถใช้หลักฮวงจุ้ยช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ด้วยการติดแชนเดอเลียร์บนเพดาน จัดมุมให้ตรงกับตำแหน่งกึ่งกลางโต๊ะอาหารให้มากที่สุด และจัดวางตะกร้าที่บรรจุผลส้มไว้ที่กลางโต๊ะอาหารด้วย ส้มนี้สามารถทานได้ตามปกติ หมดเมื่อไรก็ซื้อมาเติมได้ จะช่วยเรื่องฮวงจุ้ยให้การรับประทานอาหารได้เป็นปกติขึ้น และยังช่วยให้ได้กินผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย

9. ติดกระจกสะท้อนพลัง
เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าการติดกระจกจะช่วยสะท้อนพลังทั้งดีและไม่ดีกับ ชีวิต แต่ในกรณีห้องทานอาหาร การติดกระจกหรือการใช้ประตูเลื่อนที่เป็นกระจก จะใช้เพื่อสะท้อนพลังด้านสุขภาพ และความร่ำรวย จึงควรติดกระจกในตำแหน่งที่จะแน่ใจได้ว่า กระจกจะสะท้อนแต่สิ่งสวยงามน่ามองอยู่เสมอ หรือทางที่ดีก็ควรจัดระเบียบห้องอาหารให้สวยงามน่าดูอยู่ตลอด เพื่อให้กระจกสะท้อนพลังงานที่ดีให้ชีวิตด้วย

10. รักษาความสะอาดอยู่ตลอด
ความสกปรกเป็นอัปมงคล ดังนั้นไม่ว่าจะห้องทานอาหารหรือห้องอื่น ๆ ภายในบ้าน ก็ไม่ควรปล่อยให้รกสกปรกไม่น่าอยู่ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งในห้องทานอาหารก็ไม่ควรจะมีมากชิ้นเกินไป จนทำให้ห้องอาหารดูคับแคบอึดอัด โดยเฉพาะโต๊ะอาหาร ควรต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย และสะอาด พร้อมใช้รับประทานอาหารอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังไม่ควรมีนาฬิกาหรือปฏิทินในห้องทานอาหารด้วย เพื่อให้การรับประทานอาหารของคนในบ้านเป็นไปอย่างไม่รีบร้อน และไร้ความกดดัน

11. ไม่ควรเล่นโทรศัพท์หรือดูทีวี
ในขณะรับประทานอาหาร ไม่ควรดูทีวี เล่นโทรศัพท์ หรือคุยโทรศัพท์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะรบกวนการรับประทานอาหาร และทำให้พลังดี ๆ ในห้องทานอาหารที่หมุนเวียนอยู่แปรปรวนได้ จนอาจทำให้ระบบย่อยอาหารมีปัญหา ดังนั้นคงดีกว่าถ้าในห้องอาหารจะไม่มีทีวี โทรศัพท์ หรือปิดเสียงโทรศัพท์มือถือในขณะรับประทานอาหารไว้ก็ได้ แล้วพูดคุยกับครอบครัวในระหว่างรับประทานอาหาร เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์และทำให้กินอาหารอร่อยขึ้นด้วย

12. ตำแหน่งที่นั่ง
หัวหน้าครอบครัวควรนั่งหัวโต๊ะ แต่ไม่ควรนั่งหันหลังให้ประตู แม่ควรหันหน้าไปยังนั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ ลูกชายควรนั่งหันหน้าให้ทิศตะวันออก ทิศเหนือ หรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ลูกสาวควรนั่งหันหน้าไปทางทิศใต้ หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับแขกของบ้านควรนั่งหันหน้าไปทางประตูเช่นกัน และควรเปิดไฟให้สว่างไสว เพื่อให้พลังชี่ไหลเวียนได้สะดวก

13. ตกแต่งด้วยต้นไม้
ห้องทานอาหารควรตั้งอยู่ในตำแหน่งที่จะหันออกไปแล้วเห็นสวนสวย ๆ หรือวิวต้นไม้ร่มรื่น เพื่อให้ช่วยเสริมพลังชี่ให้ไหลเวียนอย่างสะดวก แต่หากว่าทัศนียภาพภายนอกไม่เอื้ออำนวย ก็ติดม่านบังตาสีเรียบ ๆ ไว้ที่หน้าต่าง หรือจะตกแต่งห้องอาหารด้วยดอกไม้สีสันสดใสก็ได้ เพื่อช่วยให้กระตุ้นให้เจริญอาหารและเพิ่มพลังชี่ให้มากขึ้น

14. ตู้ปลาและเสียงเพลง
ตู้ปลาสวยงาม ที่มีปลาว่ายวนอยู่ตลอด จะช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้คนในบ้านได้ไม่น้อย แต่หากจะวางให้ถูกหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ช่วยส่งเสริมพลังชี่ ไม่ควรจะวางหันหน้าตู้ปลาไปทางทิศใต้ นอกจากนี้หากคุณอยากเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหารให้มีอรรถรสมากขึ้น ก็สามารถเปิดเพลงจังหวะสบาย ๆ คลอไปตลอดการรับประทานอาหารได้

นอกจากการจัดห้องอาหารตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ช่วยส่งเสริมพลังชี่และโชคลาภความร่ำรวยแล้ว เราก็ควรรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบให้ห้องอาหาร รวมไปถึงห้องต่าง ๆ ภายในบ้านด้วย เพราะความสะอาดก็เป็นสิริมงคลอย่างหนึ่งในบ้านเช่นกัน

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : home.kapook.com


Read more ...

ฮวงจุ้ยสำนักงาน ปรับออฟฟิศอย่างไรให้กิจการรุ่งเรือง

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

สวัสดีค่ะ หายหน้า หายตากันไปพักใหญ่ๆเลยค่ะสำหรับบทความฮวงจุ้ย กลับมาคราวนี้  มี เทคนิคดีดีมากมายที่นำมาเสนอ วันนี้ขอเริ่มด้วยเรื่อง การปรับฮวงจุ้ย ออฟฟิศ สำนักงาน ให้ธุรกิจไม่มีอุปสรรค เจริญรุ่งเรือง ไม่ติดขัด กิจการก้าวหน้า รวยๆเฮงๆ แบบฉุดไม่อยู่ ลองนำวิธีเหล่านี้ไปลองใช้ดูนะค่ะ และถ้าได้ผลอย่างไร กลับมาบอกกล่าวกันด้วยนะค่ะ วิธีการปรับออฟฟิศ สำนักงาน ตามหลักตำราฮวงจุ้ย  มีดังต่อไปนี้ค่ะ

1.สีที่ใช้ในสำนักงาน ต้องมีความสมดุลกันกับทุก ๆ ธาตุ  เช่น สีแดงของธาตุไฟ สีเขียวของธาตุไม้ สีเหลืองของธาตุดิน สีดำของธาตุน้ำ และสีขาวของธาตุเหล็ก หากสำนักงานใช้สีตกแต่งให้มีความสมดุลเข้ากันกับทุกธาตุแล้ว จะทำให้กิจการก้าวหน้า

2.ตำแหน่งตรงมุมห้อง ซึ่งแทยงกับประตูทางเข้าห้องทำงาน เป็นตำแหน่งที่ดีสำหรับการตั้งโต๊ะทำงานของผู้บริหาร เพราะตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมากที่สุด

3.ของตกแต่ง ควรวางรูปปั้นเสือสีขาว ไว้ในตำแหน่งของมุมทรัพย์ มุมทรัพย์จะอยู่มุมซ้ายมือสุดของห้องทำงาน (หันหน้าเข้าห้อง)

4.การจัดวาง หากในออฟฟิศมีโต๊ะทำงานหลายตัว เพราะมีพนักงานหลายคน ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการหันโต๊ะในทิศทางเดียวกัน ควรให้ไปในทิศทางเดียวกัน  และไม่ควรจัดโต๊ะทำงานให้อยู่ตรงมุมเสา เพราะเป็นตำแหน่งที่ไม่ดี นั่งแล้วจะเกิดเรื่องไม่ดี การทำงานติดขัด

5.สัดส่วนของห้องทำงาน ห้องทำงานส่วนตัวที่แบ่งเป็นสัด ส่วน เช่น ห้องผู้บริหาร ห้องของผู้จัดการ ควรตั้งรูปปั้นมังกรไว้ที่ริมผนัง หันหน้าออกนอกห้อง อย่าหันเข้าหาตัว จะส่งผลดีต่อกิจการ มีความมั่นคง เจริญรุ่งเรือง

6.ข้อห้าม ไม่ควรตกแต่งโต๊ะ หรือออฟฟิส ด้วยรูปภาพ รูปปั้น ของรูปสัตว์ทีอยู่ในสิบสองนักกษัตร  เพราะตามตำราเชื่อว่า หากมีลูกค้ามีติดต่อ แล้วปีนักกษัตรไม่ถูกกัน หรือชงกัน จะเกิดผลเสียกับการงาน

6 วิธีนี้เป็นแค่เทคนิคเล็กๆน้อยๆของการเสริมฮวงจุ้ยให้ดีขึ้น กิจการก้าวหน้าขึ้น แม้แต่บริษัทที่ติดอันดับโลก อย่าง Google ทุกๆสาขา Google จะมีซินแสไว้สำหรับดูฮวงจุ้ยก่อนเสมอ แต่การจะให้กิจการประสบความสำเร็จนั้น บ้านไอเดีย เชื่อว่า ปัจจัยจากตัวของบุคคล มีความสำคัญมากกว่าอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ พนักงาน ลูกจ้าง หากต้องการความก้าวหน้า ต้องมีความรัก ตั้งใจในงานที่ทำ มีความพยายามไม่ย่อท้อ และที่สำคัญต้องมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง สองสิ่งที่ต้องไปด้วยกัน บ้านไอเดีย ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ มีความสุขกับหน้าที่การงานค่ะ

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย
และภาพประกอบบทความเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : Camenzind Evolution

Read more ...

ฮวงจุ้ยคอนโด การเลือกที่อยู่อาศัย สำหรับคนในเมือง

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557


คนเมือง หมายถึง บุคคลที่อาศัยอยู่ในเมือง ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ไม่ว่าจะเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียมหรือ อพาร์ทเม้นท์ก็ตาม บ้านไอเดียได้เคยนำความรู้เกี่ยวกับฮวงจุ้ยการเลือกซื้อบ้านมาเสนอกันไปบ้าง แล้ว คราวนี้จึงขอนำเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆสำหรับการเลือกคอนโดมิเนียมและอพาร์ท เม้นท์ตามหลักของฮวงจุ้ยมาเสนอกันบ้าง คงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมและอพาร์ท เม้นท์อยู่ หลักการในการเลือกคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเม้นท์ไม่ได้ดูแค่ลักษณะของห้อง ภายในห้องเท่านั้น จะต้องดูรวมไปถึงลักษณะภายนอกอาคารด้วย มีดังต่อไปนี้

- ฮวงจุ้ยคอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเม้นท์ ไม่ควรเป็นอาคารที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวโดยไม่มีอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอื่น อยู่ข้างๆเลย เพราะการตั้งอยู่อย่างเดี่ยวๆตามหลักฮวงจุ้ยหมายถึงว่า การขาดคนคอยค้ำจุน ช่วยเหลือสนับสนุน

- คอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเม้นท์ที่ดี ควรอยู่ใกล้แหล่งชุมชน สะดวกในการคมนาคม ใกล้ที่ทำงาน หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ มีสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือติดกับแม่น้ำ

- คอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเม้นท์ที่ดี ไม่ควรอยู่ในจุดที่ถูกรอบล้อมด้วยอาคารสูงๆ จะส่งผลให้สุขภาพร่างกายย่ำแย่ เจ็บป่วยออดๆแอดๆ และสุขภาพจิตเสีย เครียดง่ายเครียดบ่อย ทั้งยังทำให้อับโชค ไม่มีโชคลาภ

- คอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเม้นท์ไม่ควรอยู่ใกล้ทางด่วน  นอกจากเสียงดังจากการวิ่งไปมาของรถแล้ว ยังมีฝุ่นละอองที่สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของผู้อยู่อาศัยบริเวณ นั้นอีกด้วย

- คอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเม้นท์ที่ดี ต้องมีแสงสว่างที่เพียงพอ ไม่มืดทึบ เพราะศาสตร์ของฮวงจุ้ยให้ความสำคัญต่อแสงสว่างเป็นอย่างมาก  หากแสงสว่างน้อยจะทำให้รู้สึกถึงความอึดอัด อยู่อย่างไม่สบายกายและไม่สบายใจ

ในการพิจารณาเลือกที่อยู่อาศัยนั้นมีปัจจัยหลายอย่างมากมาย แต่ไม่ว่าจะคำนึงถึงปัจจัยอะไรมากน้อย สิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาควบคู่ด้วย คือ ความเหมาะสมกับผู้อยู่อาศัยเอง ทั้งเรื่องราคา เรื่องทำเล เรื่องการคมนาคม พิจารณาอย่างรอบคอบจะได้อยู่อย่างสบายใจ

ฮวงจุ้ยโดย : ไพศาล  ตั้งพาณิชยกุล

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย
และภาพประกอบบทความเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : The Room

Read more ...

สีทาบ้าน กับห้องต่างๆ เสริมพลังฮวงจุ้ย

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

โลกนี้มีสีสันมากมาย หันไปทางไหน ทิศใด ก็จะเจอสีที่แตกต่างกันไป สีมีอิทธิพลต่อคนเราไม่น้อยทีเดียว สีบางสี ทำให้เรารู้สึกสดชื่น สดใส กระชุ่มกระชวย แต่สีบางสีก็ทำให้เกิดความรู้สึกตรงกันข้าม หดหู่ เศร้า เบื่อ เซ็ง เมื่อสีมีอิทธิพลต่อชีวิตคนเราขนาดนี้ การใช้สีต่างๆมาแต่งเติมในบ้านนั้น ย่อมส่งผลกับเจ้าของบ้านเช่นเดียวกัน ห้องบางห้องอาจจะเหมาะกับสีนี้ แต่ห้องอีกห้องอาจจะเหมาะกับอีกสีนึง วันนี้ บ้านไอเดีย จึงนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับสีมาฝากกันค่ะ เผื่อว่าวันหนึ่งวันใด ผู้อ่านอยากจะทาสีตกแต่งบ้านใหม่ขึ้นมา จะได้นำหลักการของสีนี้ไปใช้ให้เหมาะสม

  • สีเขียว เป็นสีที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สงบ และเป็นสีที่สามารถเยียวยารักษาร่างกาย จิตใจได้ จึงเหมาะกับห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น
  • สีแดง เป็นสีที่จัด เข้มข้น ร้อนแรง ให้ความรู้สึกที่มีพลัง ตื่นเต้น เหมาะสำหรับห้องครัว ห้องอาหาร
  • สีเหลือง เป็นสีที่มีชีวิตชีวา สามารถพัฒนาจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ได้ เหมาะสำหรับห้องทำงาน และห้องครัว
  • สีฟ้า เป็นสีที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ เหมาะสำหรับห้องของผู้สูงอายุ หรือห้องของคนที่ป่วย ไม่สบาย
  • สีส้ม เป็นสีของความความสุข สดใส มีชีวิตชีวา สนุกสนาน ร่าเริง เหมาะสำหรับห้องของเด็ก ห้องนั่งเล่น ห้องครัว
  • สีม่วง เป็นสีของความมั่นคง มั่งคง และการเปลี่ยนแปลง สีนี้จึงเหมาะกับการตกแต่งห้องพระ
ใครรักใครชอบสีอะไร ก็ลองนำสีไปแต่งเติมบ้านดูนะค่ะ บ้านหรือห้องที่มีสีสัน อาจจะทำให้เรามีชีวิตชีวา มีความสุข สดชื่น มากขึ้น สร้างความสดใสให้กับบ้านแล้ว ก็อย่าลืมแบ่งปันความสดใสให้กับคนรอบข้างด้วยนะค่ะ สวัสดีค่ะ

บทความ ฮวงจุ้ยสีทาห้อง โดย คุณหญิงมน @บ้านไอเดีย
ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย
Read more ...

ฮวงจุ้ย 11 ข้อควรรู้ การจัดห้องนอนสำหรับคู่รัก

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

+-+ เนื่องจาก วันนี้ เป็นวันดี ตรงกับวันที่ 11 เดือน 11 ปี 11 จึงทำให้หลายๆ คู่ ที่คบหาดูใจกันมานาน ได้ตกลงปลงใจ ถือเอาวันฤกษ์ดีนี้ คลองคู่รักกันอย่างเป็นทางการ ทางเว็บไซต์ บ้านไอเดีย จึงขอ เกาะกระแสความฮอท ของวันดีๆ วันนี้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำ บทความ ฮวงจุ้ย ที่เหมาะกับคู่รัก โดยกล่าวถึง เรื่องของตำแหน่งเตียงนอน

-ห้องหอ หรือห้องนอน ที่คู่รักต้อง ใช้พักผ่อนร่วมกัน เป็นสถานที่สำคัญที่สุดสำหรับคู่แต่งงานทุกๆคู่ และเตียง จัดได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของห้องทั้งห้อง ดังนั้น การจัดวางตำแหน่งเตียงนอน ภายในห้องหอ จึงไม่อาจมองข้ามได้เลย ทั้งนี้ คู่รักหลายๆคู่ อาจละเลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้สักเท่าไหร่ โดยไม่ได้ตระหนักว่า การจัดเตียงนอนนั้นจะมีผลกับสนามพลังในร่างกายของมนุษย์ และสนามพลังภายในบ้าน อาจไม่กลมกลืนกัน และสุดท้าย จะส่งผลกระทบกับสภาวะจิตใจของผู้อยู่อาศัย ทำให้ ทั้งสามีและภรรยามีปัญหาขัดแย้งกัน ดังนั้น เราจึงไม่ควรมองข้าม

ตามตำรา ฮวงจุ้ย จีนโบราณ และข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ สามารถสรุปสาระสำคัญสำหรับการจัดห้องหอ ได้ดังต่อไปนี้

1. เตียงของคู่สมรส ไม่ควรเป็นสีชมพู เพราะอาจส่งผลให้สภาพจิตใจอ่อนไหว อ่อนแอ หวาดกลัว จิตใจไม่สงบ และหงุดหงิดง่าย

2. ตำแหน่งเตียงนอน ไม่ควรอยู่ชิดซ้ายในด้านตะวันตก เพราะอาจส่งผลให้สามีและภรรยาแตกแยกกันได้

3. หัวเตียง ทั้งสองด้าน ไม่ควรอยู่ตรงกับประตูห้องน้ำ หรือประตูห้อง เพราะอาจส่งผลให้สุขภาพอ่อนแอ วิตกกังวลได้

4. ไม่ควรมีทีวี ภายในห้องนอน อาจส่งผลให้สุขภาพจิตใจที่อ่อนแอได้

5. ไม่ควรมีกระจก อยู่ตรงด้านซ้าย ด้านขวา และด้านหน้าของเตียงนอน อาจส่งผลให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันได้

6. ห้องนอน ควรมีอากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวก เพื่อป้องกันไม่ให้มีกลิ่นอับ โดยเฉพาะห้องเรือนหอ มักเป็นห้องใหม่ อาจมีกลิ่นสี ทินเนอร์ หลงเหลืออยู่ อาจส่งผลกระทบกับ ระบบทางเดินหายใจ

7. ไม่ควรวางเครื่องเสียง ไว้บนตู้หัวเตียง อาจส่งผลให้สภาพจิตใจอ่อนแอได้

8. ไม่ควรแขวนภาพแต่งงานไว้เหนือหัวเตียง อาจสร้างความกัดดันและนอนฝันร้าย

9. บนหัวเตียง ควรมีไฟซ่อนอยู่ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูอบอุ่น แต่ห้ามใช้ไฟแบบแขวน

10. หัวเตียงควรมีที่พึ่งพิง ไม่ควรปล่อยเว้นให้โล่ง ควรจัดให้ชิดกำแพงจะดีที่สุด

11. เตียงที่ถูกหลักควรมีขา ไม่ควรใช้เตียงที่ติดกับพื้น เพราะจะส่งผลให้เกิดความชื้นจากพื้น อาจแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้การทำงานของหัวใจอ่อนแอลง และทำให้รู้สึกไม่มีชีวิตชีวา

ห้องหอ ถือว่าเป็นห้องที่ศิริมงคล ต่อชีวิตคู่ รวมถึงต่อครอบครัว ควรมุ่งเน้นจัดให้ห้องดูอบอุ่น ทางเว็บไซต์ ขออวยพรให้ คู่รักทุกๆ ท่าน ได้สุขสมหวัง มีความรักที่ยั่งยืนตลอดไป มีความเจริญรุ่งเรืองนะครับ

 ฮวงจุ้ย โดย  : อ.ตั้ม
ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย


Read more ...

ฮวงจุ้ย การตกแต่งบ้าน

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

+-+ สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งสำหรับบทความเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ย วันนี้ จะแนะแนวทางเกี่ยวกับ จำนวนห้องที่เหมาะสม ภายในบ้าน โดยตำราฮวงจุ้ยโบราณกล่าวว่า จำนวนห้องภายในบ้านนั้น เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อดวงชะตาของเจ้าบ้าน รวมถึงสุขภาพร่างกายอีกด้วย

– คนจีนโบราณเชื่อว่า จำนวนห้องที่เป็นศิริมงคลต่อเจ้าของบ้านนั้น คือ 1,5,6,7 และ 9 ห้อง โดยนับรวมทุกห้องภายในบ้าน โดยดูง่ายๆว่า บริเวณใดมีกำแพงกั้นทั้งสี่ด้าน ก็จะนับเป็นห้อง รวมตั้งแต่ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องทำงาน หรือห้องอื่นๆ ที่มีอยู่

– ครอบครัวส่วนใหญ่ที่เป็นครอบครัวเล็กๆ อาจจะมีจำนวนสมาชิกไม่มากนัก ทำให้จำนวนห้องไม่ตรงกับหลักฮวงจุ้ย เช่น มีเพียง 3-4 ห้องเท่านั้น ก็ไม่ต้องวิตกกังวลแต่อย่างใด วิธีแก้เคล็ดง่ายๆ ก็คือ คุณอาจหาฉาก ทำการกั้นห้องเพิ่มเติม เพื่อให้ดูเป็นสี่เหลี่ยมกัน อย่างเช่น ภายในห้องนอนของคุณ อาจเพิ่มห้องแต่งตัวเป็นฉากกั้นเล็กๆ ก็สามารถทำได้ง่ายๆ หรือ ภายในห้องครัว อาจกั้นแยกเป็น ห้องทำอาหาร และ ห้องรับประทานอาหาร หากไม่ต้องการทำฉากกั้น อาจใช้เป็นผ้าม่านกั้นรอบก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแค่นี้ ก็สามารถเสริมสร้างความเป็นศิริมงคลได้แล้ว จะส่งผลให้เจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย มีสุขภาพที่ดี อีกทั้งยังส่งเสริมกับดวงชะตาอีกด้วย

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : Homegang 
Read more ...

ตำแหน่งห้องหนังสือ จัดห้องหนังสือให้ดี เพิ่มพูนสติปัญญา

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

หลายๆบ้าน คงจัดให้มีห้องหนังสือ หรือมุมอ่านหนังสือไว้ประจำบ้าน ตามความเชื่อฮวงจุ้ย ได้ กล่าวไว้ว่า ทิศใต้ เป็นทิศแห่งการเรียนรู้ ทิศแห่งศิลปะวิชาการ คนจึงคิดเอาว่า ทิศใต้ เป็นทิศที่เหมาะกับการตั้งตำแหน่งห้องหนังสือ หรือ มุมอ่านหนังสือมากที่สุด แต่ทว่า เป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่ง เพราะทิศใต้ เป็นทิศที่ได้รับแสงจากพระอาทิตย์มาก และจ้าจนเกินไป จึงไม่เหมาะกับการอ่านหนังสือ เป็นการสร้างความหงุดหงิด รำคาญใจ ทำลายสมาธิได้


ดังนั้นการจัดตำแหน่งห้องหนังสือ หรือ มุมอ่านหนังสือนั้น ข้อควรคำนึงมากที่สุด คือ การจัดห้องให้อยู่ในตำแหน่งที่มีแสงสว่างมากเพียงพอ พอดี ไม่มากเกินไป มีความสมดุลกันระหว่างขนาดห้องและแสงสว่าง อยู่ในตำแหน่งที่มีความสงบ ไม่วุ่นวาย และห้องหนังสือที่ดี ควรแยกจากห้องอื่นๆ ไม่ควรไปจัดอยู่ในห้องนอน ห้องรับแขก เพราะจะทำให้ไม่มีสมาธิในการอ่านที่ดี การจัดเก็บหนังสือก็เช่นเดียวกัน ควรมีการจัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ง่ายต่อการค้นหา หมั่นทำความสะอาด อย่าให้ฝุ่นเกาะเกรอะกรัง สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ให้ดี เพียงเท่านี้ ห้องหนังสือ ก็จะเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมสติปัญญา เพิ่มพูนความรู้ให้แก่เรา


ฮวงจุ้ย โดย : อาจารย์ ตันมิงฉัน
ผู้แปล : ไอรีน เป 100 วิธี ฮวงจุ้ยน่ารู้  
ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย
และภาพประกอบบทความเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : camerafool
Read more ...

ฮวงจุ้ยห้องรับแขก ทำเลการตั้งที่เหมาะสม

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557


 ห้องรับแขกเป็นห้องที่เสริมสง่าราศีให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี บ่งบอกถึง รสนิยม นิสัย และฐานะของเจ้าของบ้าน  เพราะการสร้างความประทับใจต่อแขกผู้มาเยี่ยมเยือนนั้น อยู่ที่การตกแต่งห้องรับแขกเป็นสำคัญ แต่ในปัจจุบันนั้น บ้านจะมีลักษณะแคบ พื้นที่มีน้อย จึงสร้างความยุ่งยากในการจัดตกแต่งห้องรับแขกได้ เพื่อความสวยงามและเป็นสัดส่วนของห้อง หลายๆบ้านจึงนิยมใช้ฉากกั้นห้องมาเป็นตัวช่วย นอกจากเป็นของแต่งบ้านที่ไว้จัดสรรพื้นที่แล้ว ยังสร้างความสวยงามให้แก่บ้านได้อีกด้วย  ตามตำราฮวงจุ้ยได้กล่าวถึงลักษณะของฉากกั้นห้องที่ดี และช่วยเพิ่มการไหลเวียนพลังให้แก่บ้านไว้ดังนี้



  • ฉากกั้นห้องที่ดีนั้น ต้องไม่สูง ไม่เตี้ยจนเกินไป มีขนาดพอดีกับห้องนั้นๆ อย่างเช่นบ้านที่มีพื้นที่น้อย ก็ไม่ควรใช้ฉากกั้นห้องที่ใหญ่ เพราะจะยิ่งทำให้ห้องมีความคับแคบยิ่งขึ้นไปอีก
  • สีของฉากกั้นห้อง ควรเป็นสีโทนสว่าง ไม่ใช้สีทึบ และมืด ช่องต่างๆในฉากกั้นห้องก็เช่นเดียวกัน ควรทำจากวัสดุโปร่งใส โปร่งแสงเช่น กระจกฝ้า กระดาษสีขาว เป็นต้น  หากใช้สีและวัสดุที่ทึบแสง จะทำให้ห้องดูคับแคบ ไม่สบายตา อึดอัด หรือหากว่าฉากกั้นมีความมืดจนเกินไป ให้ติดหลอดไฟไว้ที่ฉาก เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้แก่ห้อง
  • ฉากกั้นห้องที่ดี ต้องมีความสะอาด ไม่มีฝุ่นเกราะหนา ไม่มีความชำรุด ช่องในฉากกั้น ต้องมีความสมบูรณ์ ไม่แตกร้าว เป็นรู หมั่นดูแลรักษาฉากกั้นห้องให้อยู่ในสภาพที่ดี เหมาะแก่การใช้งานอยู่เสมอ
ไม่เพียงแต่ห้องรับแขกเท่านั้นนะค่ะ ที่ต้องดูแลให้ดีอยู่เสมอ ห้องอื่นๆ ส่วนอื่นๆของบ้านก็เช่นเดียวกัน เพราะการเพิ่มพลังฮวงจุ้ยทุกส่วนมีความสำคัญ จะให้ดีแค่ส่วนเดียว ห้องเดียว แต่ส่วนอื่น ห้องอื่นไม่ดีก็ย่อมไม่ได้ผลเช่นกัน

ฮวงจุ้ย โดย : อาจารย์ ตันมิงฉัน
ผู้แปล : ไอรีน เป 100 วิธี ฮวงจุ้ยน่ารู้

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย


Read more ...

ฮวงจุ้ย บันไดบ้าน บันไดบ้านกับประตูบ้าน ตำแหน่งที่สัมพันธ์กัน

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

การเข้าขึ้นไปยังจุดที่สูง หรือจุดมุ่งหมาย ต้องมีบันไดที่ดีในการปูทางให้เราเดินก้าวขึ้นไป หากบันไดชำรุด ผุพัง ก็อาจจะทำให้เราสะดุดหกล้ม ตกหล่นลงมาได้ง่าย แต่หากว่าบันไดนั้นแข็งแรง ทนทาน ก็ย่อมเป็นฐานที่ทำให้เราก้าวได้อย่างมั่นใจ และมั่นคงเช่นกัน บ้านก็เช่นเดียวกัน บ้านไหนที่มีมากกว่า 1 ชั้น ก็ต้องมีบันไดเพื่อขึ้นไปบนชั้นอื่น การสร้างบันได ไม่ใช่จะสร้างอย่างไรก็ได้ แต่ต้องให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตราย และเกิดอุบัติเหตุต่อสมาชิกในครอบครัวได้ง่าย

ตามศาสตร์ขอฮวงจุ้ยจีน เชื่อว่า บันไดเป็นทางผ่านของพลัง และยังเป็นจุดที่เพิ่มพลังให้กับบ้านได้ หากสร้างให้ถูกวิธี ลักษณะของบันไดบ้านที่ดีมีดังต่อไปนี้
  • บันไดบ้านไม่ควรอยู่ตรงกับประตูหน้าบ้าน เพราะประตูหน้าบ้านเป็นทางเข้าของพลัง หากพลังมาเจอบันไดที่กรีดขวางอยู่ ก็สามารถทำให้พลังนั้นลดลง หรือบั่นทอนไปได้
  • บันไดบ้านไม่ควรอยู่ใกล้กับประตูหน้าบ้านที่หันไปทางทิศใต้  เพราะในช่วงเวลาที่แดดส่องเยอะ หากสะท้อนเข้ามาในบ้านพอดี จะทำให้หน้ามืด มองไม่ชัด สายตาพร่ามัว อาจจะเกิดอุบัติเหตุจากการขึ้นลงบันไดได้
  • บันไดบ้านไม่ควรอยู่ใกล้กับประตูหน้าบ้านที่หันไปทางทิศเหนือ เพราะในฤดูหนาวลมจะพัดเข้ามาในบ้าน และพัดขึ้นไปชั้นบน ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของคนในครอบครัว
  • บันไดบ้านควรหันไปคนละทางกับประตูหน้าบ้าน จึงจะเป็นบันไดที่ดี มีผลดีต่อพลัง และสมาชิกในครอบครัว
ทั้งนี้หากบันไดของคุณตรงกับประตูหน้าบ้านแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรื้อสร้างใหม่ อาจจะหากฉากกั้นมากั้นระหว่างบันไดกับประตู หรือจัดวางตู้โชว์ บิลท์อิน หรือทาบันไดเป็นสีขาวก็ได้ ก็สามารถแก้เคล็ดดังกล่าวนี้ได้

ฮวงจุ้ยโดย : อาจารย์ ตันมิงฉัน
ผู้แปล : ไอรีน เป 100 วิธี ฮวงจุ้ยน่ารู้
ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย
Read more ...

การตั้งศาลพระภูมิ เลือกตำแหน่งที่ตั้งศาลพระภูมิ

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

แฟนเพจหลายท่านได้สอบถามมาถึงเรื่องการตั้งศาล พระภูมิ ซึ่งที่มาของเรื่องศาลพระภูมินี้ ผสมผสานกันระหว่างศาสต์ด้านศาสนา พิธีกรรม และความเชื่อ ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งมุ่งเน้นไปทางด้านการนับถือเทพเจ้า แม้ประเทศไทยเราจะนับถือศาสนาพุทธ แต่อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ก็เป็นไปอย่างแพร่หลาย

ก่อนอื่นต้องขอเรียนให้ผู้ที่ต้องการจะตั้งศาล พระภูมิให้ทราบกันว่า หากเป็นไปตามคำสอนของศาสนาพุทธนั้น ไม่จำเป็นต้องตั้งก็ได้หรือกล่าวได้ว่า ศาสนาพุทธไม่ได้สอนเรื่องการนับถือเทพเจ้าแต่อย่างใด แต่หากต้องการทำตามขนบธรรมเนียม ตามพิธีกรรมที่ชาวไทยพุทธได้สืบทอดกันมาเนิ่นนาน ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด  แต่จะผิดหากตั้งแล้ว ไม่รู้ข้อเท็จจริง และไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้ศาลพระภูมิกลายเป็นเพียงเสาปูนที่ไร้ค่า หากเป็นเช่นนั้น ไม่ตั้งศาลพระภูมิซะเลย ย่อมดีกว่า สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตำแหน่งที่ตั้งศาลพระภูมิให้ถูกต้อง ดังนี้
  • ตำแหน่งของศาลพระภูมิ ต้องไม่ถูกบดบังจากแสงเงาของตัวบ้าน
  • ตำแหน่งของศาลพระภูมิ ควรอยู่ห่างจากห้องน้ำ ห้องส้วม รวมถึงไม่ควรหันหน้าเข้าหาที่ตั้งของห้องน้ำ
  • หากตั้งศาลพระภูมิใกล้รั้ว หรือกำแพงบ้าน ควรเว้นให้มีระยะห่างอย่างน้อยประมาณ 1 เมตร
  • ที่ตั้งของศาลควรอยู่บนบริเวณพื้นดิน ไม่อยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าระดับพื้นบ้าน หรืออาจทำแท่นฐานวางให้ยกสูงจากพื้นดิน ก็ยิ่งดี แต่หากไม่มีพื้นดิน สามารถตั้งบนดาดฟ้าได้
  • ตำแหน่งของศาลพระภูมิ ไม่ควรตั้งให้หันหน้าตรงกับประตูหน้าบ้าน
  • ระดับความสูงของศาล ควรให้สูงอยู่เหนือระดับสายตาของผู้เป็นเจ้าของบ้านพอประมาณ และไม่ควรให้ต่ำกว่าระดับสายตา

ตำแหน่งในการตั้งศาลพระภูมิ เป็นเพียงขั้นตอนพื้นฐานในการตั้งศาลพระภูมิ ยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นต้องศึกษาให้ถูกต้อง และขอเน้นย้ำกันอีกครั้งนะครับ ศาลพระภูมิ หากคิดจะตั้งแล้ว ก็ควรศึกษาข้อมูล ดูแลให้ถูกต้อง เป็นไปตามพิธีกรรมที่ได้สืบทอดกันมา หากตั้งแล้วไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้ศาลดูรก สกปรก การไม่ตั้งเลยตั้งแต่แรกเริ่ม ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า ติดตามอ่านต่อในบทความถัดไป ที่เว็บไซต์ บ้านไอเดียนะครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย
และภาพประกอบบทความเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : ป้าจาย


Read more ...

ฮวงจุ้ยห้องครัว จัดตำแหน่งเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวให้ถูกต้อง

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

ปัจจัยความอร่อยของอาหาร ขึ้นอยู่กับเชฟกะทะเหล็ก คุณพ่อครัว แม่ครัว ที่ขยันปรุงรสชาติอย่างพิถีพิถัน การจัดวางอาหารให้น่าทาน ยังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ช่วยให้อาหารอร่อยขึ้นได้ แต่สำหรับการจัดวางเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ถูกที่ ถูกตำแหน่งนั้น จะช่วยส่งผลดีต่อฮวงจุ้ยของบ้านได้ดีเช่นกัน สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” นำบทความเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยห้องครัว มาให้ได้อ่านกันต่อ สำหรับบทความนี้ มาดูรายละเอียดกันว่า ข้าวของเครื่องใช้แต่ละอย่างนั้น จัดวางในตำแหน่งไหน ถึงจะดี



สิ่งแรกที่อยากให้คำนึงถึงกัน นั่นคือ การออกแบบพื้นที่ให้กว้างอย่างพอเหมาะ สิ่งของต่างๆ ไม่วางเบียดเสียดกันจนเกินไป เนื่องจากอุปกรณ์เครื่องครัวแต่ละชิ้นนั้น ล้วนก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ความเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง

ตำแหน่งตู้เย็น

- เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเย็นนั้น อันดับแรกที่ควรคำนึงถึง ไม่ควรตั้งไว้ใกล้ชิดกับเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทร้อน ความร้อนกับความเย็น เป็นสิ่งตรงข้ามกัน และหากมองในหลักพื้นฐานแล้ว หากนำอุปกรณ์ชนิดร้อนมาวางใกล้ จะส่งผลให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้นนั่นเอง เพราะความร้อนอาจแผ่กระจายไปสู่ตู้เย็นได้ หลายๆ บ้าน นิยมประหยัดพื้นที่ โดยนำหม้อหุงข้าวมาจัดวางไว้บนตู้เย็น ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง ควรจัดวางไว้ให้แยกออกจากกัน อีกทั้งไม่ควรมีสิ่งใดมาวางไว้บนตู้เย็น หรือแม้แต่วัสดุประเภทแม่เหล็ก ไม่ควรนำมาติดแปะไว้ที่ประตูตู้เย็น เพราะจะเป็นสิ่งกีดขวางโชคลาภ ตำแหน่งที่เหมาะสม ควรจัดวางไว้ในพื้นที่โล่งพอประมาณ ให้สามารถเปิดปิดได้อย่างสะดวก ไม่กีดขวางเส้นทาง และไม่อยู่ใกล้กับน้ำ

ตำแหน่งเตาแก๊ส

- ไม่ควรวางไว้ตำแหน่งประตูห้องครัว ประตูห้องน้ำ หลีกเลี่ยงการจัดวางไว้ในมุมห้องครัว และไม่ควรจัดตั้งไว้ใกล้บริเวณแหล่งน้ำ ตามหลักฮวงจุ้ยนั้น ถือว่าน้ำสามารถดับไฟได้ ไม่เป็นสิริมงคล

ตำแหน่งเครื่องครัว

- สำหรับเครื่องครัวนั้น ไม่ว่าจะเป็น หม้อหุงข้าว เตาไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อน อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้ สามารถจัดวางได้ในตำแหน่งที่เหมาะสม ตำแหน่งใดก็ได้ ที่ไม่ขัดต่อข้อมูลเบื้องต้น หากให้ดูสวยงาม อาจออกแบบบิลท์อิน ให้รองรับกับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อความเป็นระเบียบสวยงาม และที่สำคัญ ควรคำนึงถึงปลั๊กไฟ ไม่ควรให้มีสายไว้วางกีดขวางการใช้งาน

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ไม่ยากกันเลยใช่มั้ย หลายๆ บ้าน อาจจัดวางไว้ถูกตำแหน่งอยู่แล้ว หลายๆ บ้าน หากมีวางผิดตำแหน่ง ก็เพียงเลื่อนสลับที่กันเล็กน้อย สำหรับฮวงจุ้ยห้องครัวนั้น มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นส่วนของพลังร่างกายกับทุกคนในครอบครัว เป็นตัวแทนโชคลาภ หากพลังเป็นไปในด้านบวก โชคลาภก็ย่อมเพิ่มพูนได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่เพียงเท่านี้ การจัดวางตำแหน่งตามฮวงจุ้ยนั้น ยังช่วยยกระดับความปลอดภัยได้อีกด้วย

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย

Read more ...

ฮวงจุ้ยที่ดิน ที่ดินดี ส่งผลดีต่อเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

การสร้างบ้านแต่ละครั้ง นั้น ต้องให้ความสนใจและใส่ใจในทุกๆส่วน ตั้งแต่รายละเอียดใหญ่จนถึงรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆ ถือว่าทุกส่วนช่วยให้บ้านสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และก่อนที่จะสร้างก่อนที่จะออกแบบนั้น ต้องดูลักษณะของที่ดิน ลักษณะของเนื้อที่ที่มีอยู่เสียก่อนว่ามีรูปทรงอย่างไร มากน้อยแค่ไหน จะได้ออกแบบและสร้างบ้านให้เหมาะสม แต่ทราบกันไหมค่ะว่า ตามหลักของฮวงจุ้ยลักษณะของที่ดินนั้นสามารถส่งผลทั้งด้านบวกและด้านลบให้ แก่เจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย ในบทความนี้บ้านไอเดียจึง นำลักษณะของที่ดินที่ดีมาบอกกล่าวกัน เวลาไปเลือกซื้อที่ดินจะได้เลือกได้ถูกและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ลักษณะที่ดินที่ดีมีดังต่อไปนี้คะ

  • ที่ดินควรมีลักษณะเต็ม ไม่เว้าแหว่งหรือขาดวิ่น เช่น มีลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมแบบเต็มๆ จะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ด้านกว้างกับด้านยาวไม่แตกต่างกันมากก็ได้
  • ที่ดินที่มีลักษณะมองดูคล้ายถุงเงิน หรือรูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่มีด้านหน้าแคบกว่าด้านหลัง ลักษณะเช่นนี้ จะทำให้มีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา ความเป็นอยู่จะอุดมสมบูรณ์ สุขสบายทั้งกายและจิตใจ
  • ที่ดินที่มีภูเขาหรือตึกสูงเป็นฉากหลัง และมีพื้นที่ด้านหน้าโล่งกว้าง จะส่งผลให้มีคนค้ำจุน มีคนให้ความสนับสนุนช่วยเหลือ เวลาเจอปัญหาใดๆจะผ่านไปได้โดยง่าย
  • ที่ดินควรมีผิวหน้าดินเรียบ ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ หรือขรุขระ ควรให้อยู่ในระดับที่เสมอกับถนนหรือพื้นที่รอบข้าง ที่สำคัญที่ดินไม่ควรจะอยู่ระดับต่ำกวาถนนและพื้นที่โดยรอบ
  • ที่ดินที่มีแม่น้ำไหลผ่าน แต่ต้องเป็นแม่น้ำที่มีความสะอาด  ถือว่าเป็นที่ดินที่เป็นมงคล ช่วยให้ความชุ่มชื่น ความอุดมสมบูรณ์ และส่งผลให้สุขภาพร่างกายของผู้อยู่อาศัยดีอีกด้วย
ได้ทราบถึงลักษณะที่ดินที่ดีกันไปบ้างแล้ว สามารถนำไปใช้พิจารณาในการเลือกซื้อที่ดินได้อย่างถูกต้องมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกซื้อที่ดินยังมีปัจจัยอื่นที่สมควรต้องคำนึงถึงอีกด้วย อาทิเช่น ทำเลที่ตั้ง สภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ความเหมาะสมทางด้านราคา บางท่านอาจนิยมในเมือง บางท่านอาจนิยมสัมผัสธรรมชาติ แม้ที่ดินจะไม่ได้สวยสมบูรณ์ตามหลักฮวงจุ้ย แต่หากอยู่แล้วสบายใจ ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ นั่นหมายถึงว่า สิ่งนี้ เหมาะกับท่านแล้ว

ฮวงจุ้ยโดย : ไพศาล  ตั้งพาณิชยกุล
ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : บ้านไอเดีย 

Read more ...

ฉากกั้นห้องนอน เพิ่มความเป็นสัดส่วน พักผ่อนอย่างสงบ

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557
 
เมื่อพูดถึง ฉากกั้นห้อง หลายๆ ท่านอาจนึกถึงรูปแบบของฉากพับ ฉากแบบตั้งพื้น ที่มีจำหน่ายทั่วไป ออกแบบได้หลากหลายสไตล์ แต่สำหรับฉากกั้นห้องที่นำเสนอในวันนี้ เป็นฉากกั้นที่ไม่ได้มีจำหน่าย แต่สามารถทำได้ด้วยโครงสร้างของผนังปูนติดตั้งแบบถาวร อาจจำเป็นต้องพึ่งพาช่างผู้ชำนาญการด้านการตกแต่ง หรือก่อสร้าง การทำฉากกั้นห้องขึ้นมานี้ มีข้อดีหลายด้าน สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดเจนนั่นคือ สัดส่วนของห้อง ทำให้ดูเป็นการแบ่งกั้นโซน เพื่อให้จัดได้อย่างเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น รูปทรงที่โค้งเว้า ไม่ทึบไปตลอดทั้งช่วง ยังให้ความรู้สึกบางเบา ปลอดโปร่งอย่างมีดีไซน์

อีกข้อดี ของฉากกั้นห้อง ยังทำให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทำให้การนอนหลับ เป็นไปอย่างสงบ เปรียบเสมือนกับว่า คุณกำลังมีมุมพักผ่อนที่ปลอดภัย แม้ความเป็นจริงแล้วจะไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากนัก แต่ในด้านความรู้สึก สัมผัสได้อย่างชัดเจน


อีกข้อดีที่สำคัญไม่น้อย สำหรับท่านที่ชอบตกแต่งห้อง โดยยึดตามหลักฮวงจุ้ย ฉากกั้นห้อง สามารถแก้ปัญหาต่างๆ เรื่อง ฮวงจุ้ยห้องนอน ได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อมีฉากกั้นห้องขึ้นมา ทิศที่ไม่ดี มุมที่ไม่ดี ก็แปรเปลี่ยนสภาพให้กลับกลายเป็นด้านที่ดีขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องรื้อถอน หรือย้ายให้สิ้นเปลืองงบประมาณ เพียงแต่เพิ่มเติมให้เป็นสัดส่วน เพียงเท่านี้ ห้องนอนของเราก็ดูสงบ น่าพักผ่อนเป็นที่สุด


 

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : banidea.com
และภาพประกอบบทความเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : Avenue Design


Read more ...

ฮวงจุ้ย บ้าน แก้เคล็ดเรียกเงินทองเข้าบ้าน

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

ถ้าบางคนสงสัยว่าทำไมทำงาน แล้วเงินที่ได้มาถึงหมดไปอย่างรวดเร็ว หรือบางคนเก็บเงินไม่อยู่ คุณเชื่อไหมว่าการจัดบ้านก็ส่งผลให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้เหมือนกัน สำหรับการจัดบ้านตามหลัก ฮวงจุ้ย ถือว่าสำคัญอย่างมาก  Horoscope.Mthai.com จึงนำวิธีการ แก้เคล็ดเรียกเงินทองเข้าบ้าน มาฝากกัน จะต้องจัดแบบไหนบ้าง ไปดูกันเลยครับ

ให้แขวนกระดิ่งหรือระฆังเล็ก ๆ ผูกด้ายแดงแขวนเอาไว้ที่ลูกบิดประตูทางด้านนอกก่อนเข้าในบ้านหรืออาคาร กระดิ่งหรือระฆังจะช่วยดึงดูดโชคเข้าสู่บ้านและให้แขวน เหรียญจีนโบราณ (เหรียญ กลมที่มีรูตรงกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยม) 3 เหรียญที่ผูกด้วยด้านแดงเอาไว้ที่ลูกบิดประตูด้านในของบ้านหรืออาคาร เหรียญจีนจะช่วยเรียกเงินทองให้ ผ่านเข้ามาสู่ในบ้าน

การแก้เคล็ดแบบนี้นี้ควรทำที่ประตู หน้าเท่านั้นเพียงพอ และการแก้เคล็ดแบบนี้จะมีผลมากเป็นพิเศษถ้าประตูหน้าตั้งอยู่ในทิศตะวันตก หรือตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะทิศทั้งสองนี้มีธาตุ โลหะเป็นธาตุประจำทิศ ซึ่งทั้งเหรียญจีนและกระดิ่งหรือระฆังก็ทำจากโลหะจึงเป็นมงคลต่อทิศไปด้วยพร้อมกัน


การใช้เหรียญจีนโบราณจะใช้เพียง 3 เหรียญก็เพียงพอสำหรับการ แก้เคล็ด นี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เหรียญให้มาก ๆ เพื่อหวังว่าเงินทางจะได้ไหลเข้ามามาก ๆ และห้ามไม่ให้ใช้ เหรียญจีนโบราณจำนวน 5 เหรียญผูกเข้าไว้ด้วยกันเพราะมันไม่เกิดประโยชน์ต่อการเรียกเงินทองให้เพิ่ม ขึ้น แต่จะกลายเป็นอัปมงคลแทนอีกด้วย

ในกรณีกระดิ่งหรือระฆังที่จะใช้ทำจากโลหะ ให้แขวนไปทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือหรือทิศเหนือ

ในกรณีกระดิ่งหรือระฆังที่ทำจากเซรามิค ให้แขวนทางทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันตกเฉียงใต้


ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : variety.teenee.com  
และภาพประกอบบทความเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : baannatura.com

Read more ...

เพิ่มโชคลาภ หนุนเสริมบารมี ด้วยฮวงจุ้ยห้องพระที่ถูกหลัก

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557
  
การจัดห้องพระอย่างเหมาะสม นอกจากจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสงบสุขแล้ว การผสมผสานด้วยหลักของฮวงจุ้ย ยังสามารถส่งเสริมให้คนในบ้านมีบารมี และได้รับโชคลาภอีกด้วย

          การมีห้องพระภายในบ้าน น่าจะเป็นสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทว่าในปัจจุบันหลายคนมักละเลยกับการจัดห้องพระ เช่น ในบางบ้านนำห้องพระ มาใช้เป็นห้องเก็บของ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเท่าใดนัก และการจัดห้องพระ ไม่ใช้แค่การตั้งที่บูชาพระเพียงอย่างเดียว เจ้าของบ้านควรคำนึงถึงตำแหน่ง และขนาดของห้องพระ เพื่อให้สมาชิกภายในบ้าน สามารถใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ให้จิตใจผ่องใส และสงบนิ่งอย่างแท้จริง
          นอกจากการเลือกตำแหน่งของห้องพระภายในบ้านแล้ว การจัดวางสิ่งของภายในห้องพระ ยังสามารถใช้หลักของฮวงจุ้ย เพื่อเสริมให้บ้านที่อยู่อาศัย มีความสงบ ร่มเย็น รวมถึงเจ้าบ้านเอง อาจได้รับโชคลาภ หรือเจอพบแต่สิ่งดี ๆ ได้เช่นกัน และเพื่อให้ได้ห้องพระที่ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย ทางทีมงานกระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวมข้อมูลมาฝากค่ะ
 

การเลือกตำแหน่งห้องพระ


          เริ่มแรกจะเป็นเรื่องการกำหนดตำแหน่งห้องพระ ว่าจะอยู่ส่วนไหนของบ้าน ซึ่งการเลือกตำแหน่งห้องพระ จะมีเรื่องของความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังเช่น ตามหลักฮวงจุ้ยได้พิจารณาห้องพระในแง่ของพลังงานธรรมชาติว่า การจุดธูปเทียนบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ห้องพระเป็นห้องมีพลังธาตุไฟมากกว่าปกติ ดังนั้น ในการกำหนดตำแหน่งของห้องพระจึงต้องพิจารณา ดังนี้
          1. ห้องพระควรเป็นห้องชั้นบนสุดของบ้าน เพราะพระเป็นของสูง การวางต่ำกว่าคนในบ้าน หากมีการเดินข้าม นอนคร่อม หรือหันปลายเท้าเข้าหาพระ ย่อมไม่เป็นมงคล ทั้งนี้การเลือกตั้งห้องพระไว้ชั้นล่าง ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่จะมีข้อจำกัด เช่น ต้องพิจารณาว่าห้องที่อยู่ชั้นบนเหนือห้องพระ เป็นห้องน้ำ และห้องนอนหรือไม่ ถ้าใช่ก็ไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงควรจะเป็นห้องว่าง ที่ไม่มีคนอยู่จะดีกว่า
          2. ห้องพระควรอยู่ในตำแหน่งที่มีการระบายอากาศได้ดี เพราะการบูชาพระ จะต้องจุดธูป เทียน หากเป็นตำแหน่งที่อากาศถ่ายเทสะดวก จะทำให้ไม่รบกวนสมาธิของผู้ปฎิบัติธรรม อีกทั้งยังช่วยลดอันตรายจากควันไฟและเปลวเทียนไม่ให้ไหม้บ้านได้อีกด้วย
          3. ห้องพระต้องอยู่ในบริเวณที่สงบ เป็นมุมที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน และตามหลักฮวงจุ้ย ตำแหน่งหน้าบ้าน ถือเป็นตำแหน่งโชคลาภ ส่วนตำแหน่งหลังบ้าน ถือเป็นตำแหน่งบารมี การจัดฮวงจุ้ยห้องพระจึงควรเลือก 2 ตำแหน่งดังกล่าว จะช่วยเสริมพลังบวกได้มากที่สุด
          4. ห้องพระควรหันทิศไปทางตะวันออก หรือทิศเหนือ ซึ่งเป็นทิศมงคล หากไม่สามารถเลือกตำแหน่งห้องพระในทิศตะวันออก และทิศเหนือได้ ให้ตั้งหิ้งพระ และองค์พระหันหน้าไปทางทิศนั้น ๆ แทน
          5. ห้องพระที่ติดกับห้องนอน ต้องระวังเรื่องการวางเตียงหันปลายเท้าไปหาห้องพระ และกรณีที่หันหัวเตียงไปที่ห้องพระ ต้องพิจารณาว่า ตำแหน่งขององค์พระ หรือโต๊ะหมู่บูชาติดกับหัวเตียงหรือไม่ เพราะถ้าติดกัน เมื่อนอนบนเตียงอาจได้รับอิทธิพลของธาตุไฟ ทำให้ปวดหัวง่าย หรือนอนไม่ค่อยหลับ
          6. ห้องพระไม่ควรติดกับห้องน้ำ เพราะในหลักฮวงจุ้ย ห้องน้ำถือว่าเป็นธาตุน้ำ ส่วนห้องพระถือว่าเป็นธาตุไฟ ตามกฎเบญจธาตุ (ธาตุทั้ง 5) ธาตุน้ำนั้นจะพิฆาตธาตุไฟ ถ้ามีความจำเป็นจะต้องวางห้องพระติดกับห้องน้ำ ควรหาตู้มาพิงผนังห้องน้ำ แล้วหันพระไปทางทิศอื่น ไม่เช่นนั้นความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระจะเสื่อม เพราะถูกพลังของธาตุน้ำบั่นทอน
          7. ในทางฮวงจุ้ยเชื่อว่าร้านค้าไม่ควรนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คนภายนอกเห็น เพราะจะมีคนแกล้งนำของสกปรกมาทำลายสิ่งศักดิ์สิทธ์ แต่ในกรณีที่บ้านเล็ก มีพื้นที่จำกัด สามารถเลือกจัดที่บูชาพระ ในจุดที่เหมาะสม โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการเลือกตำแหน่งของห้องพระได้เช่นกัน
 

อย่างไรก็ตาม การจัดที่บูชาพระ ได้มีการเน้นย้ำในเรื่องตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ดังนี้
          1. ไม่ควรตั้งพระในห้องนอน โดยเฉพาะคนที่มีคู่แล้ว แต่หากจำเป็นควรใช้ฉากกั้นให้เป็นสัดส่วน
          2. ไม่ควรตั้งหิ้งพระตรงบันได หรือใต้บันได
          3. ไม่ควรตั้งหิ้งพระอยู่ใต้คาน
          4. ไม่ควรตั้งห้องพระหรือหิ้งพระอยู่เหนือห้องน้ำ
          5. ห้ามแขวนหิ้งพระกับผนังห้องน้ำ
 

การตั้งองค์พระตามหลักฮวงจุ้ย


          เมื่อสามารถกำหนดตำแหน่งของห้องพระที่เหมาะสมได้แล้ว การเลือกตำแหน่งตั้งพระพุทธรูปตามหลักฮวงจุ้ย ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยทิศที่เหมาะสมในการตั้งพระพุทธรูป ได้แก่ ทิศเหนือ และทิศตะวันออก ซึ่งจะช่วยเสริมดวงชะตา และนำโชคลาภ มาสู่ผู้อยู่อาศัย โดยสามารถพิจารณาได้จากหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
          1. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : ทิศนี้เป็นทิศเศรษฐี หากประกอบการงาน ทำมา ค้าขาย ใด ๆ ก็จะเจริญร่ำรวย ยิ่ง ๆ ขึ้น
          2. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันออก : ทิศนี้เป็นทิศราชา จะประกอบการงานใด ๆ ก็จะเจริญ ใหญ่โต สมความตั้งใจทุกประการ
          3. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ : ทิศนี้เป็นทิศปฐม นับว่าเป็นทิศที่ไม่เหมาะสมกับการตั้งพระ เนื่องจากทำอะไรจะไม่ค่อยเจริญ ลาภผลตกต่ำ และแค่พอมีพอใช้
          4. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศใต้ : ทิศนี้เป็นทิศจัณฑาล โดยทำงานอะไรก็จะติดขัด ยากลำบาก หากมีการลงทุน ก็มักได้ผลประโยชน์ไม่ค่อยคุ้มค่า
          5. ตั้งพระให้หันไปสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ :  ทิศนี้เป็นทิศวิปะฏิสาร งานการที่ทำจะมีแต่ความเดือดร้อนยุ่งยาก ซ้ำยังมีผลกระทบมาสู่ครอบครัว รวมทั้งเพื่อนบ้าน
          6. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันตก : ทิศนี้เป็นทิศกาลกิณี  ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ก็จะมีแต่ความเกิดลังเลใจ ไม่เป็นมงคล อาจเกิดภัยอันตรายร้ายแรงกับคนภายในบ้าน ซึ่งควรหลีกเลี่ยงทิศนี้อย่างเด็ดขาด
          7. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : ทิศนี้เป็นทิศอุทธัจจะ จะทำงานสิ่งใด ผลงานก็ไม่แน่นอน จับจด รวนเร ไม่ได้ผล
          8. ตั้งพระหันหน้าไปยังทิศเหนือ : ทิศนี้เป็นทิศมัชฌิมาปฏิปทา จะทำงานใด ๆ ผลงานจะอยู่ในเกณฑ์พอปานกลาง ไม่ดีไม่ร้าย
 

นอกจากนี้ คนที่เกิดในแต่ละปี ก็มีทิศต้องห้ามในการตั้งพระด้วย ดังนี้
          1. เจ้าของบ้านเกิดปีชวด ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศเหนือเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้เจ้าบ้าน เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวง จนถึงขั้นเสียชีวิต
          2. เจ้าของบ้านเกิดปีฉลู ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้เจ้าบ้าน เกิดการเจ็บป่วยอย่างกะทันหัน
          3. เจ้าของบ้านเกิดปีขาล ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้ผู้หญิง และสมาชิกในครอบครัว เกิดอันตรายได้
          4. เจ้าของบ้านเกิดปีเถาะ ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาไปทางทิศตะวันออกเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง คนในบ้านจะเสียชีวิต
          5. เจ้าของบ้านเกิดปีมะโรง ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้คนในบ้านเกิดการเสียหาย ทั้งชายและหญิง
          6. เจ้าของบ้านเกิดปีมะเส็ง ห้ามตั้งหิ้งพระบูชา หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เด็ดขาด เพราะจะส่งผลให้คนในครอบครัว มีความยุ่งยากที่สุด จนหาความสงบสุขไม่ได้
          7. เจ้าของบ้านเกิดปีมะเมีย ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศใต้ เพราะจะส่งผลให้เกิดเรื่องราวอัปมงคลขึ้นภายในบ้าน
          8. เจ้าของบ้านเกิดปีมะแม ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพราะจะส่งผลให้ครอบครัวเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นอย่างไม่คาดฝันได้
          9. เจ้าของบ้านเกิดปีวอก ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพราะจะส่งผลให้เกิดเรื่องร้าย ๆ กับสมาชิกเพศชายในครอบครัว
          10. เจ้าของบ้านเกิดปีระกา ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เพราะจะส่งผลให้ทุกข์โศกมาเยือนครอบครัวจนต้องร้องไห้อยู่เสมอ
          11. เจ้าของบ้านเกิดปีจอ ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเด็ดขาด เพราะจะส่งผลร้ายให้สมาชิกในครอบครัวอย่างมากถึงขั้นเสียชีวิตได้
          12. เจ้าของบ้านเกิดปีกุน ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะจะส่งผลให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ในครอบครัวอยู่ตลอด อาจต้องมีการเสียเงินเสียทอง หรือขึ้นโรงขึ้นศาล
 

การจัดหิ้งบูชาตามหลักฮวงจุ้ย

          ในการจัดหิ้งบูชาก็ต้องดูให้เหมาะสมกับดวงชะตาเช่นกัน และจะต้องดูแลให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะหากดูแลไม่ดีแล้ว สิ่งที่เป็นสิริมงคลของบ้าน ก็อาจกลายเป็นสิ่งอัปมงคลได้เช่นกัน โดยวิธีการจัดหิ้งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีข้อแนะนำเพิ่มเติมดังนี้
           1. หิ้งบูชาต้องสะอาดอยู่เสมอ หากปล่อยให้หิ้งบูชาสกปรก คนในบ้านจะเจ็บป่วย และทำมาค้าไม่ขึ้น ควรหมั่นเปลี่ยนน้ำเปล่า และดอกไม้สดที่บูชาเป็นประจำ อย่าปล่อยให้ดอกไม้แห้งเฉาคาที่ เพราะจะทำให้คนในบ้านมีชีวิตที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก
           2. หิ้งพระต้องไม่อยู่เหนือประตูซึ่งเป็นช่องทางเดินเข้า-ออก ถ้าจัดตั้งหิ้งพระในมุมที่พลุกพล่าน คนในบ้านจะมีแต่ความวุ่นวาย
           3. หิ้งบูชาพระไม่ควรหันหน้าตรงกับประตูห้องน้ำ หรือห้องครัว มิเช่นนั้นคนในบ้านจะเจ็บป่วย มีแต่เรื่องขัดแย้ง เงินทองรั่วไหล
           4. ถ้าพักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโด ควรตั้งหิ้งพระให้สูงกว่าระดับศีรษะ เพราะหากตั้งหิ้งพระต่ำกว่าศีรษะ จะทำให้คนในบ้านไม่เจริญก้าวหน้า อาชีพการงานเติบโตช้า และจะถูกลดตำแหน่งงานลง
           5. หากตั้งหิ้งบูชาขนาดใหญ่ จำนวนองค์พระหรือองค์เทพบนหิ้งควรมีจำนวนเป็นเลขคี่ เช่น 1,3,5,7,9 องค์ ทั้งหลักฮวงจุ้ย และความเชื่อของไทยก็ล้วนระบุว่าไม่นิยมให้เป็นจำนวนเลขคู่
           6. ไม่ตั้งหิ้งบูชาไว้ใต้คาน มิเช่นนั้นดวงชะตาคนในบ้านจะถูกกดทับ ทำให้เจริญรุ่งเรืองยาก และมักมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่เสมอ
           7. ไม่ควรมองเห็นหิ้งพระได้จากนอกบ้าน เพราะจะถือว่าการตั้งหิ้งพระไม่อยู่ในมุมสงบ  หรือเป็นสัดส่วน แต่ถ้าเป็นร้านที่ประกอบธุรกิจค้าขายถือว่าไม่เป็นไร
 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับข้อมูลตามหลักของฮวงจุ้ย ทั้งการกำหนดตำแหน่งห้องพระภายในบ้าน คำแนะนำในการวางพระ รวมถึงการดูแลหิ้งพระด้วย แต่ทั้งนี้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้าน ก็ควรทำการสักการะบูชาพระอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ รวมถึงควรทำจิตใจให้สงบ เพื่อให้ทุกคนภายในบ้าน สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข จนเรียกได้ว่า สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ กันเลยยังไงล่ะครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : กระปุกดอทคอม
Read more ...

ฮวงจุ้ยบ้านด้วยปรัชญาหยิน-หยาง

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

หลายๆ ท่านคงเคยเห็นสัญลักษณ์ ”ไท่เก๊ก” ที่แทนปรัชญาหยิน-หยาง อันเป็นบ่อเกิดของหลักวิชาฮวงจุ้ยอันเป็นภูมิปัญญาของชาวจีนโบราณกันบ้าง แล้ว แนวคิดเรื่องหยินและหยางนี้ เชื่อว่าสรรรพสิ่งไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติวัตถุ พลังงานหรือสิ่งมีชีวิต ล้วนแบ่งออกเป็น 2 อย่างที่แตกต่างกัน โดยหยิน คือ ความมืด, สงบนิ่ง, เพศหญิง, อ่อนนุ่ม, กลวง เป็นต้น ส่วนหยาง คือ ความสว่าง, เคลื่อนไหว, เพศชาย, แข็ง, ตัน เป็นต้น


ภาพไท่เก๊กยังแสดงถึงการรวมกันของหยินและ หยางอย่างสมดุลไม่แยกจากกันและไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นหยินทั้งหมดหรือเป็นหยาง ทั้งหมด นั่นคือในหยินจะมีหยางและในหยางก็จะมีหยิน ทุกอย่างไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่ทั้งหมดจะมีรูปแบบที่สัมพันธ์กัน เปลี่ยนแปลงอย่างเป็นพลวัตตลอดเวลา




เมื่อนำหลักการมาพิจารณากับฮวงจุ้ยบ้าน เราก็จะต้องหาทางทำให้หยินและหยางของบ้านเกิดความสมดุลย์ แนวทางจัดฮวงจุ้ยให้เกิดสมดุลย์กันสามารถทำได้ดังนี้

นอกบ้าน หน้าบ้าน : หน้าบ้าน เป็นการพิจารณาตำแหน่งของโชคลาภ โดยหน้าประตู คือ ปากทางรับโชค การรับโชคที่ดี หน้าบ้านต้องมีสภาพของความเป็นหยาง ต้องคึกคักแจ่มใส ให้ด้านหน้ามีสภาพโล่ง โปร่ง แสงแดดส่องถึง ให้มีลมเข้าและไหลเวียนดี อย่านำโต๊ะ ม้านั่ง มาบังปากทางเข้าประตูบ้านทั้งด้านในและด้านนอก บริเวณห้องรับแขกและห้องทำงานควรจัดให้อยู่บริเวณส่วนหน้าของบ้าน เพราะต้องเกี่ยวพันกับการพบปะผู้คนและเป็นบริเวณที่ทำงานเพื่อให้ก่อเกิดราย ได้ ห้องจึงต้องสว่าง โปร่ง สะอาด ดูมีชีวิตชีวา จึงต้องเติมความเป็นหยางให้มากเข้าไว้

หลังบ้าน : การพิจารณาหลัง บ้านเป็นเรื่องการพิจารณาคนว่ามีบารมี มีคนส่งเสริมสนับสนุน หรือมีสุขภาพดีหรือไม่ หลังบ้านต้องมีสภาพเป็นหยิน คือ สงบ ไม่อึกทึกจนเกินไป อาคารทางด้านหลังบ้านไม่สูงข่มจนเกินไป ห้องที่อยู่ทางด้านหลังบ้านจะต้องส่งเสริมคน เช่น ห้องนอนผู้สูงอายุ ห้องน้ำ ห้องครัว ควรจัดสภาพให้เป็นหยินอย่างเหมาะสม ไม่ให้มืดจนเกินไปและยังต้องให้อากาศไหลเวียนไปบริเวณห้องเหล่านี้ด้วย

กลางบ้าน : พลังหยินและพลัง หยาง ทั้งเคลื่อนไหวและหยุดนิ่งจะมาพบกันที่กึ่งกลางของบ้าน ก่อนที่จะแปรสภาพเป็นพลังชุดต่าง ซึ่งเหินไปในตำแหน่งดีร้ายตามบริเวณต่างๆ ของบ้าน ดังนั้นบริเวณนี้จะต้องไม่มีส้วมหรือเตาไฟ มิฉะนั้นแล้วพลังของบ้านก็จะไม่มีการสะสมรวมตัวดีเท่าที่ควร เนื่องจากส้วมเป็นสิ่งปฏิกูลที่เราต้องทิ้งออกไปและยังอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่ พึงประสงค์ไปทั่วบ้านด้วย ส่วนเตาไฟกลางบ้านก็จะทำให้บ้านร้อนเกินไป ทั้งควันและกลิ่นที่เกิดจากการทำอาหารก็จะรบกวนคนในบ้าน

ชั้นบน ชั้นล่าง : ด้านบนและ ด้านล่างควรให้มีสภาพต่างกันนั่นคือ ด้านล่างจัดให้มีสภาพเป็นหยาง ด้านบนจัดให้มีสภาพเป็นหยิน ด้านล่างเป็นที่สำหรับทำกิจกรรมต้องแต่งให้ดูเท่ มีสไตล์ โปร่ง โล่ง สว่าง แจ่มใส มีพลัง มีชีวิตชีวา ส่วนด้านบนต้องจัดให้มีพลังที่ค่อนข้างเป็นหยิน ให้ดูสลัวๆ ดูโรแมนติก เหมาะสมและสะดวกต่อการนอนหลับ หรือใช้แสงที่ดูสลัว มีสีสันอ่อนโยนก็จะทำให้เกิดความรักและเอื้ออาทรต่อคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่ให้รู้สึกแข็ง แล้ง แห้ง จืดชืด

สภาพหยินหยางนั้นเป็นการบริหารสภาพของ สิ่งเร้าของปัจจัยต่างๆ ตามความเหมาะสมและเหมาะกับกิจกรรมของห้องที่เราจะต้องใช้งานด้วย แต่ท่านอย่าลืมปัจจัยสำคัญพื้นฐานด้วยนั่นก็คือ บ้านจะมีชีวิตชีวาไม่ได้ หากขาดอากาศใหม่ๆ จากภายนอกไหลเวียนเข้าไปแทนที่อากาศเดิมของบ้าน หากท่านทำให้สภาพของบ้านท่านสมดุล โดยไม่ร้อนไป เย็นไป เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของท่าน 

ขอขอบคุณบทความดีๆเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : www.100fs.com (โดย อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม)
และภาพประกอบบทความเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยบ้าน จาก : Photos.com


Read more ...